“จีน” วางกุลยุทธ์ ตามตำราศึก สร้างความได้เปรียบหวังอัด “ทีมชาติไทย” ตกรอบ คัดบอลโลก 2026 ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้
เงื่อนไขที่ จีน จะเข้ารอบฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบ 3 ตั้งแต่จบเกมที่ 5 ในรอบ 2 คือการเอาชนะ ทีมชาติไทย ให้ได้ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ฉะนั้นนี่จึงอาจเป็นที่มาถึงการเลือกใช้สนาม เสิ่น หยาง โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ โดยครั้งสุดท้ายที่ จีน ใช้สนามแห่งนี้คือ ปี 2016 พบ อิหร่าน ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก
ผลกระทบทีมชาติไทยจะมีอะไรบ้าง ?
[นักเตะไทยต้องเดินทางไกล-ขากลับ ก็กลับลำบาก]
เมืองเสิ่นหยางอยู่บริเวณกลางตอนบนของจีน ซึ่งห่างกับเมืองใหญ่ๆ ที่เราคุ้นหูทั้งอย่างน้อยๆ มี 800 ถึงหลายพันกิโลเมตร และอยู่ใกล้ๆ กับประเทศเกาหลีเหนือ ไม่ใช่เมืองหลักที่คนจะไปเที่ยวกัน
ทำให้ไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีเที่ยวบินมากนัก โอเคแหละที่ขาไปพอมีสายการบินบินตรงได้คือ เซาเทิร์น ไชน่า แอร์ไลน์ เดินทางไม่เกิน 6 ชม. แต่ขากลับก็ดันไม่มีสายการบินบินตรงกลับไทย ซึ่ง “ช้างศึก” จะมีเวลา 5 วันในการรับมือ สิงคโปร์ ต่อในบ้าน วันที่ 11 มิถุนายน
เคสนี้นักกีฬาคงจะล้ากันมากแน่นอน และเชื่อว่าถ้ามาถึงแล้วจะซ้อมเลยทันที คงซ้อมแบบเบาๆ ลงแท็กติกอะไรมากไม่ได้ ยังไม่รวมกับเรื่องอาการบาดเจ็บที่จะเข้ามาหรือไม่… เพราะแมตช์นี้สำคัญ คงมีจังหวะปะทะกันหนักๆ แน่
[ตัดจำนวนแฟนบอลไทยที่ขอบสนาม]
“เอก” ธวัชชัย สวนอภัย ผู้นำกลุ่มกองเชียร์ไทย ที่จะไปชมเกมนี้แน่นอนพร้อมกับ “น้าหลิ่ม” วิรุฬห์ วิเชียรวัฒนชัย เปิดเผยกับ ไทยรัฐสปอร์ต ว่า การเดินทางไปที่ สนามเสิ่นหยาง ยากที่สุดเลยสำหรับ คัดบอลโลก ครั้งนี้
แฟนบอลตอนนี้เท่าที่ทราบ มีสนใจจะไปดูประมาณ 200 กว่าคน ซึ่งเส้นทางการบินมี 2 ทางเลือก คือ
1. บินจากไทย ไป ปักกิ่ง และนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไป เสิ่นหยาง (รถไฟต้องจองก่อนเดินทาง 14 วัน) พอมารวมกับที่พักแบบไม่มีโปรแกรมเที่ยวใดๆ อยู่ที่คนละ 25,000 บาท
2. บินจากไทย ไป โซล เปลี่ยนเครื่องไป เสิ่นหยาง พอมารวมค่าที่พักแบบไม่มีโปรแกรมเที่ยวใดๆ อยู่ที่ 15,000 บาท
นับว่าเป็นอุปสรรคมากๆ เป็นราคาที่ค่อนข้างแพงจริงๆ เมื่อเทียบกับ สิงคโปร์ และ เกาหลีใต้
[สนามจุ 6 หมื่นที่นั่ง แต่ไม่รู้จะให้ AWAY ZONE แก่แฟนบอลไทยกี่ใบ]
สนามเสิ่นหยาง ไม่เหมือนราชมังฯ ที่แฟร์ๆ แบ่งไว้ให้แฟนบอลทีมเยือน 2,000 ที่นั่งทุกเกม ไม่ว่าจะมาเยอะหรือน้อย ต้องไปทำ AWAY ZONE ขึ้นมา ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การจ้างการ์ดมายืนรักษาความปลอดภัย เปิดบล็อกเข้าสนามสำหรับกองเชียร์ทีมเยือน
เกมนี้เป็นเกมสำคัญ บัตร 6 หมื่นใบสำหรับจีนคงไม่พอสำหรับแฟนบอลเจ้าบ้านแน่นอน เพราะ จีน มีประชากรเป็นหลักพันล้านคน ฉะนั้นจึงต้องมีการคุยเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าเพื่อจัดระเบียบโซนให้ดี
[จีนได้เปรียบมากๆ สำหรับแข่งขันเกมต่อไป]
ด้วยที่ตั้งของ เสิ่นหยาง อยู่ใกล้กับ เกาหลีใต้ เอาง่ายๆ เหมือน ไทย ไปเยือน สิงคโปร์ หรือ เวียดนาม เดินทางแค่ไม่ถึง 2 ชม. ก็ถึงแล้ว ฉะนั้นในกรณีที่ จีน ไม่สามารถชนะ ไทย ได้ ก็ยังจะมีเวลาค่อนข้างเยอะให้เตรียมทีมสำหรับเจอเกาหลีใต้ เพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไปยันเกมสุดท้าย
ทั้งนี้เงื่อนไขการเข้ารอบมีดังนี้
1. หาก ทีมชาติไทย ชนะจีน และชนะสิงคโปร์ โดยที่ทีมชาติจีน ไม่ชนะเกาหลีใต้ จะทำให้ ทีมชาติไทย เข้ารอบทันที
2. หาก ทีมชาติไทย ชนะจีน และชนะสิงคโปร์ แต่ทีมชาติจีน ชนะ เกาหลีใต้ จะทำให้มีคะแนนเท่ากันที่ 10 คะแนน จากนี้ต้องมาวัดลูกได้เสียอีกครั้ง โดยปัจจุบัน ทีมชาติไทย ลูกได้เสีย -2 และ ทีมชาติจีน ลูกได้เสีย +1
3. หาก ทีมชาติไทย เสมอจีน แต่ชนะสิงคโปร์ โดยที่ ทีมชาติจีน แพ้ เกาหลีใต้ จะทำให้มีคะแนนเท่ากันที่ 8 คะแนน จากนี้ต้องมาวัดลูกได้เสียอีกครั้ง โดยปัจจุบัน ทีมชาติไทย ลูกได้เสีย -2 และ ทีมชาติจีน ลูกได้เสีย +1
4. หาก ทีมชาติไทย เสมอจีน และชนะสิงคโปร์ โดยที่ ทีมชาติจีน เสมอ เกาหลีใต้ จะทำให้ ทีมชาติจีน เข้ารอบทันที
5. หาก ทีมชาติไทย แพ้จีน จะทำให้ ทีมชาติไทย ตกรอบทันทีโดยไม่ต้องลุ้นผลแข่งขันนัดสุดท้าย
สถิติที่น่าสนใจ จีน ลงเล่นที่สนามแห่งนี้ 10 เกม ชนะ 9 เสมอ 1 และไม่แพ้เลย ถือว่าพวกเขาคงจะมั่นใจสุดๆ ในเกมนี้
จากนี้ ไทย ยังมีเวลาอีก 2 เดือนให้รับมือกับปัจจัยที่ควบคุมได้ เช่น เส้นทางการเดินทาง โรงแรมที่พัก สนามซ้อม ต้องประสานกับทางจีนให้ดี ไม่ให้เกิดความผิดพลาด ส่วนเรื่องในสนามก็เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ แฟนบอลไทยก็จะส่งให้กำลังใจให้นักเตะทุกๆ คน สู้เต็มที่ที่สุด